การท่องเที่ยวรูปแบบหนึ่งที่เป็นที่นิยมสำหรับคนไทยในยุคนี้ก็คือการเที่ยวไปเที่ยวแบบ backpack หรือการแบกเป้เที่ยวนั่นเอง ซึ่งการเที่ยวแบบนี้มีก็มีข้อดีหลายอย่าง ที่ต่างออกจากการไปเที่ยวแบบอื่นๆ เช่นเรามีอิสระมากอยากไปที่ก็ไปได้ มีโอกาสได้พบเจอเพื่อนใหม่ๆตลอดทาง สำหรับ Part 1 ของเรื่องราวนี้ ก็จะเป็นการแนะนำแบบคร่าวๆ ของรูปแบบทริป ที่ผมไป สำหรับทริปนี้ของผมเป็นการไปเที่ยวยุโรปทั้งหมด 18 วันด้วยกัน ผ่านเข้าไปใน 15 เมือง ใน 7 ประเทศ โดยการเดินทางเกือบทั้งหมดในยุโรปนั้นเป็นการนั่งรถไฟเป็นหลัก สำหรับการไปเที่ยวแบบนี้ สิ่งที่สำคัญหลักๆมีสองเรื่องก็คือ การเดินทางและที่พัก ขั้นแรกก็ขอเล่าภาพรวมๆของทริปนี้ก่อนว่า เป็นการไปเที่ยวแบบไม่ค่อยได้วางแผนเท่าไหร่นัก มีแค่ตั๋วเครื่องบินไปกลับ และตั๋วรถไฟ Eurail Pass (ตั๋วแบบเหมาวัน) เส้นทางก็วางไว้แค่คร่าวๆ ส่วนโรงแรมก็จองล่วงหน้า 2-3 วัน และไล่จองไปเรื่อยตลอดทริป ยอมรับว่ายังไม่กล้าไปเที่ยวแบบค่ำไหนนอนนั่นแล้วเดินหาโรงแรมเอา การเดินทางในยุโรปนั้นเป็นอะไรที่ค่อนข้างสะดวกมาก มีระบบรถไฟที่เราสามารถเดินทางไปได้เกือบทุกเมือง และมีตั๋วแบบจำกัดวันที่เรียกว่า Eurail Pass ซึ่งทำให้เราสามารถขึ้นรถไฟได้ไม่จำกัดเที่ยว อย่างของผมซื้อตั๋วแบบ 15 วันไป แต่ช่วงที่ไปนั้นมีโปรโมชั่นแบบ 15+2 ก็คือแถมฟรีให้อีก 2 วันเป็น 17 วัน และนั่นก็คือสาเหตุที่ทำให้ทริปนี้ยาวทั้งหมด 18 วันนั่นเอง (อีก 1 วัน สำหรับการอยู่บนเครื่องบิน)

ใครที่ยังไม่รู้จัก Eurail Pass ก็ขออธิบายสั้นๆ ว่า Eurail Pass เป็นตั๋วรถไฟที่คุ้มมากสำหรับคนที่เดินทางโดยมีการเปลี่ยนเมืองอยู่ตลอด เพราะเราสามารถนั่งรถไฟกี่ขบวนก็ได้ ตามจำนวนวันที่เราเลือกมา หากจะไปเกิน 5 ประเทศ ก็สามารถซื้อตั๋วแบบ Global Pass ซึ่งไปได้ 28 ประเทศในยุโรป แต่ถ้าหากจะไปเพียงแค่ไม่กี่ประเทศ ก็สามารถเลือกเฉพาะประเทศที่เราจะไปได้ ราคาก็จะถูกลงไป มีตั๋วแบบ First Class และ Second Class ให้เลือก ถ้าเป็นตั๋ว First Class ก็จะสามารถไปนั่งในโซน First Class ได้ ซึ่งจะมีเก้าอีที่กว้างกว่า Second Class และก็โล่งกว่า (ตั๋วแพงกว่าเลยมีคนขึ้นไปนั่งน้อยกว่า) นอกจากนั้นโดยรวมๆแล้วก็ไม่ได้ต่างกันมาก

คราวนี้มาถึงเรื่องที่พัก ส่วนตัวผมเองเป็นคนที่ชอบนอนใน Hostel เพราะเป็นสถานที่ที่เราจะได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆ ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ถามหาข้อมูลว่าที่ไหนน่าไปเที่ยวบ้าง และที่สำคัญราคาไม่แพงเลย หลายๆที่ก็จะมีห้อง Common Room หรือห้องนั่งเล่นให้เราเล่นเกม นั่งกินเบียร์กับเพื่อนใหม่ของเรา บางที่ก็จะมีห้องครัวให้เราแสดงฝีมือการทำอาหารได้

Hostel แต่ละที่ก็จะมีรูปแบบห้องที่แตกแต่างกันไป บางที่ก็เป็นห้องขนาดเล็กนอนได้ 3-4 คน บางที่ก็อาจจะนอนได้ห้องละมากถึง 15 คน เวลาที่เราจอง ก็สามารถเลือกได้ครับ ถ้าใครที่ไปเป็นกลุ่มก็อาจจะเลือกห้องแบบ Private ก็ได้ ไม่ต้องนอนร่วมกับคนอื่น แต่ถ้าไปคนเดียวหรือสองคน และอยากพบเพื่อนให้มากที่สุดก็เลือกห้องแบบ Dorm ซึ่งจะเป็นการนอนกับคนที่เรายังไม่รู้จัก ทั้งนี้สำหรับสาวๆ ก็ไม่ต้องกังวลครับ Hostel ส่วนใหญ่จะมีห้อง Female Dorm ให้เราเข้าพัก ซึ่งจะเป็นห้องสำหรับผู้หญิงเท่านั้น ข้อแนะนำในการจอง Hostel อย่างหนึ่งก็คือห้องที่เป็น Mixed Dorm จะเป็นห้องที่เป็นระเบียบที่สุดครับ เพราะมีทั้งผู้หญิงและผู้ชายอยู่ห้องเดียวกัน ทำให้ทุกคนเกรงใจกัน และพยายามจัดของตัวเองให้เรียบร้อย ในขณะที่ Female Dorm และ Male Dorm ด้วยความที่เป็นเพศเดียวกันทั้งหมด ส่วนใหญ่ก็จะไม่ค่อยเกรงใจ และวางของกันเกลื่อนพอสมควร