ข้ามไปเนื้อหา
เตรียมอุปกรณ์ไปเดินป่า 2023

เตรียมอุปกรณ์ไปเดินป่า 2023

 

เตรียมอุปกรณ์ไปเดินป่า

การเตรียมตัวไปเดินป่าให้มีความสุขต้องเป็นความสมดุลย์กันระหว่างการมีอุปกรณ์ที่เหมาะสมเพียงพอที่จะเราไม่ลำบากจนเกินไปและอยู่ได้โดยไม่รบกวนธรรมชาติ แต่ก็ไม่ขนอุปกรณ์ไปมากเกินไป หนักเกินไปจนเป็นภาระ หรืออาจจะถึงขั้นแบกไม่ไหวเดินไม่ถึง

เราสามารถจัดอุปกรณ์ที่จำเป็นในการเดินป่าออกเป็น 4 ส่วนเพื่อให้เข้าใจง่าย

1. อุปกรณ์ที่ใช้ระหว่างเดิน
2. อุปกรณ์เพื่อการตั้งแค้มป์
3. อุปกรณ์เพื่อใช้เตรียมอาหาร
4. อุปกรณ์อื่นๆ ที่จำเป็นหรือควรมี

 

1) อุปกรณ์ที่ใช้ระหว่างเดิน

อุปกรณ์ที่จำเป็นระหว่างเดิน หลักๆคือเป้และรองเท้า

เป้ที่เหมาะสมสำหรับการเดินป่าในประเทศไทยที่มักจะมีสภาพป่ารกทึบและอากาศไม่ได้หนาวเย็นมากนักแนะนำให้ใช้ความจุ 40-60 ลิตร ตัวแปร ของความจุขึ้นอยู่กับขนาดของอุปกรณ์ที่เลือกใช้, อุปกรณ์กันหนาวถ้าจำเป็นต้องใช้ และปริมาณอาหารที่ต้องติดตัวไปตามจำนวนวันเดินทาง

นอกจากขนาดความจุแล้ว เป้จะมีขนาดความยาวหลังด้วย โดยที่จะเป็นขนาดตั้งแต่ XS, S, M, L ซึ่งสำคัญมากต่อการแบกน้ำหนักเดิน  และเป้ดีๆจะมีการแยกเพศสำหรับผู้หญิงและผู้ชายด้วย เพื่อรองรับสรีระที่แตกต่างกัน เช่น ผู้หญิงจะมีสะโพกกว้างกว่า,​ ไหล่แคบกว่า และสายสะพายก็ควรออกแบบให้หลบหน้าอกด้วย

ถ้าเลือกเป้ผิดขนาด หรือไม่เข้ากับสรีระ จะทำให้เป้ไม่อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง เกิดการกดให้เจ็บปวดระหว่างเดิน แต่ถ้าเป้มีคุณภาพดี มีขนาดที่เข้ากับสรีระ จะทำให้การแบกน้ำหนักบนเป้เป็นเรื่องสบายๆ

การเลือกขนาดเป้สามารถทำได้โดยการวัดความยาวหลัง แต่จะดีที่สุดถ้าหากได้ลองใส่น้ำหนักและทดลองสะพายด้วยตัวเอง

ดูรายละเอียดของเป้รุ่นต่างๆที่แนะนำได้ที่นี่ครับ

https://thailandoutdoorshop.com/collections/hiking-backpack

 

รองเท้า เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญมากสำหรับการเดินป่า รองเท้าเดินป่าที่ดีจะทำหน้าที่ปกป้องเท้าเราไม่ให้บาดเจ็บจากการเดินบนพื้นผิวที่ขรุขระ, การเตะของแข็งระหว่างทางเดิน, ช่วยให้ทรงตัวได้ดีในพื้นผิวชนิดต่างๆที่อาจจะลื่นเละ และยังช่วยลดโอกาสของข้อเท้าพลิก ข้อเท้าแพลงอีกด้วย

การเลือกรองเท้าที่เหมาะสมขึ้นกับสภาพเส้นทาง, ระยะทางเดิน และ น้ำหนักที่เราแบกในเป้ ถ้าเป้มีน้ำหนักมาก, เดินไกล และเส้นทางเดินขรุขระก็จะทำให้เท้าของเรา โดยเฉพาะฝ่าเท้ารับภาระหนักมาก ถ้าใช้รองเท้าพื้นนิ่มเกินไปก็จะทำให้เท้าเจ็บระบม รองเท้าสำหรับเดินทางไกล แบกของหนักจึงมีพื้นรองเท้าหนา, แข็ง และมีชั้นรับแรงกระแทก ที่จะช่วยปกป้องเท้าไม่ให้บาดเจ็บ

 

ถ้าเราเดินใกล้ๆ ไม่ได้แบกของหนัก รองเท้าที่เบาก็จะคล่องตัวกว่า ถ้าเราต้องเดินลุยน้ำบ่อยๆ รองเท้าที่ไม่ได้ทำจากหนังย่อมเหมาะกว่า ถ้าเราเดินในที่ลื่น เช่นในน้ำตก พื้นรองเท้าที่นิ่ม ให้ตัวได้ ก็จะยึดเกาะได้ดีกว่า แต่ก็จะไม่เหมาะสำหรับการเดินไกลๆ

 

สิ่งที่สำคัญไม่แพ้การเลือกชนิดของรองเท้าคือการเลือกขนาดให้พอดี และการผูกเชือกรองเท้าให้แน่น

 

ความเชื่อผิดๆของการเลือกรองเท้า คือการที่บอกว่าเลือกรองเท้าเดินป่าต้องเผื่อขนาดให้ใหญ่ไว้ 1-2 เบอร์ บางครั้งก็มีคำแนะนำให้ใส่ถุงเท้าสองชั้น อันนี้คือความเชื่อที่ทำให้บาดเจ็บกันมามากแล้ว เพราะเมื่อมีช่องว่างระหว่างเท้ากับรองเท้า จะทำให้เกิดการเคลื่อนที่ไปกระแทกรอบเท้าโดยเฉพาะนิ้วเท้าด้านหน้า เมื่อเคลื่อนที่ก็เกิดการเสียดสี  ถ้ารองเท้าหลวม เวลายกเท้าก้าวเดิน ส้นก็จะยกเสียดสีจนเป็นแผล

 

การเลือกขนาดรองเท้า จะต้องดูสองส่วนคือ เบอร์รองเท้า ซึ่งจะบอกความยาวว่าพอดีกับเท้า ปลายเท้าไม่ชน ส้นไม่ยกเวลาเดิน อีกส่วนคือความกว้างและรูปทรงภายในรองเท้า ซึ่งจะไม่ขึ้นกับเบอร์รองเท้า แต่จะขึ้นกับรุ่นและแบบของรองเท้าว่าออกแบบมาสำหรับเท้าทรงไหน

 

การเลือกซื้อควรทดลองใส่โดยใส่ถุงเท้าที่จะใช้เดินป่าจริง ซึ่งไม่บางไป ไม่หนาไป ทดลองใส่ทั้งสองข้าง ผู้เชือกให้แน่น แล้วลองเดินดูให้แน่ใจว่าปลายเท้าไม่ชน ส้นไม่ยกขณะเดิน หลังเท้าและด้านข้างเท้าไม่อึดอัดบีบแน่น หรือหลวมจนเท้าเคลื่อนที่ได้

 

การเลือกรองเท้าเดินป่า เป็นสิ่งที่ให้ใครทำแทนไม่ได้ คนใส่ต้องลองต้องรู้สึกเองเพราะไม่มีใครมองเห็นในรองเท้าได้ เลือกผิดก็โทษใครไม่ได้

 

การผูกเชือกรองเท้าก็เป็นเรื่องสำคัญมาก และเป็นสาเหตุให้บาดเจ็บไม่น้อยไปกว่าการเลือกรองเท้าผิดประเภทผิดขนาด

 

การผูกเชือกรองเท้าเดินป่า ต้องปรับให้รองเท้ากระชับกับเท้าพอดี ไม่แน่ไปจนอึดอัด ไม่หลวมจนเท้าเคลื่อนที่ได้ ในเรื่องนี้รองเท้าหุ้มข้อจะช่วยได้มาก เพราะเราสามารถแยกความแน่นกระชับที่บริเวณหลังเท้า และบริเวณข้อเท้าให้ต่างกันได้ และเมื่อผู้ได้เหมาะสมก็จะป้องกันไม่ให้ปลายเท้ากระแทกและหลังส้นเท้ายกจนเป็นแผลเสียดสีได้ดีกว่า

 

และอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับรองเท้าเดินป่าได้ที่หน้านี้ครับ

https://www.thailandoutdoor.com/2016/07/25/hiking-boots/

 

ถ้าต้องการดูรายละเอียดของรองเท้าเดินป่าที่แนะนำ ดูได้ที่นี่ครับ

https://www.thailandoutdoorshop.com/asolo

 

อุปกรณ์อื่นๆที่ใช้ระหว่างเดิน คือไม้เท้าเดินป่า และขวดน้ำ

 

ไม้เท้าเดินป่า อาจจะไม่ใช่อุปกรณ์จำเป็น”​ แต่มันช่วยให้เราเดินป่าได้ดีขึ้นมาก เหนื่อยน้อยลง เดินได้ไกลขึ้น

 

มนุษย์เราเป็นสัตว์สองเท้า ทุกครั้งที่เราก้าวเดิน เราจะต้องทรงตัวอยู่ด้วยขาข้างเดียวซึ่งต้องใช้กำลังกล้ามเนื้อเพื่อทรงตัวทุกครั้ง ในเวลาปรกติก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร แต่ถ้าเรามีเป้หลังหนักๆเพิ่มขึ้นมาเป็นน้ำหนักที่ไม่คุ้นเคย, เดินอยู่บนทางขรุขระ ลื่น และขึ้นชัน ลงชัน ตลอดวันยาวๆ กล้ามเนื้อเราจะเหนื่อยล้ามาก

 

การใช้ไม้เท้าที่ถูกต้องจะต้องปรับความยาวให้พอดีกับสรีระ ใช้สายรัดข้อมือเป็นตัวรับน้ำหนักในขณะเดินปรกติบททางราบเพื่อไม่ให้มือเกร็งเมื่อเดินนานๆ จะใช้มือกำด้ามให้ถูกที่ในจังหวะการปีนขึ้นลงในเส้นทางเท่านั้น

 

การใช้ไม้เท้าเดินป่าจะช่วยให้เราเดินได้ไกลขึ้น และเหนื่อยล้าน้อยลงมาก

ดูรายละเอียดของไม้เท้าแต่ละรุ่นได้ที่นี่ครับ

https://thailandoutdoorshop.com/collections/trekking-pole

 

ระหว่างเดินเราจะเสียเหงื่อเยอะมาก เราจึงจำเป็นที่จะต้องมีน้ำไว้ดื่มระหว่างทาง ไม่น้อยกว่า 1 ลิตร หรือ ถ้าเดินไกลอากาศร้อน ก็ควรเตรียมไว้ 2 ลิตร ถ้าไปแค้มป์ค้างคืนในที่ไม่มีน้ำ และต้องใช้น้ำทำอาหารก็ต้องไม่ต่ำกว่า 3 ลิตร

 

การพกพาน้ำ เราควรมีขวดน้ำขนาดไม่เกิน 1 ลิตรสัก 1 ขวด ที่ใช้ขนาด 1 ลิตร เพราะมีขนาดกำลังเหมาะ ไม่ใหญ่เกินไป ควรที่ใช้ควรเป็นขวดคุณภาพดีที่เป็นพลาสติกแข็ง, อะลูมิเนียม หรือสแตนเลส ที่สามารถใช้ซ้ำได้และไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ (ไม่มีสารก่อมะเร็ง BPA) ควรเป็นขวดที่มีปากขนาดมาตรฐานสามารถต่อเข้ากับเครื่องกรองน้ำได้

 

อีกทางเลือกของการพกพาน้ำคือการใช้ถุงน้ำในเป้ ข้อดีของถุงน้ำชนิดนี้ก็คือจะกระจายน้ำหนักไว้ในเป้ในจุดที่ใกล้หลังเราที่สุด ข้อเสียคือความยากที่จะเติมน้ำหรือนำน้ำออกมาใช้

 

การใช้ขวดน้ำพลาสติกแบบใช้แล้วทิ้งเป็นการสร้างขยะ และเป็นปัญหาหนักมากในเส้นทางเดินป่าหลายๆเส้นของประเทศไทย ควรงดใช้ครับ

เลือกดูรายละเอียดของขวดน้ำและถุงน้ำได้ที่นี่ครับ

 https://thailandoutdoorshop.com/collections/water

 

 

2) อุปกรณ์สำหรับการตั้งแค้มป์

 ทางเลือกสำหรับการนอนระหว่างการเดินป่า คือการใช้เต็นท์และการใช้เปล

 

เต็นท์เป็นทางเลือกที่ดีในเกือบทุกเส้นทางเดินป่า มันให้ความรู้สึกปลอดภัย จากแมลง, สัตว์เลื้อยคลาน และความหวาดกลัวอื่นๆในความมืดของป่า กันลมและให้ความอบอุ่นในที่หนาวเย็น

 

การเลือกเต็นท์เดินป่า ควรเลือกเต็นท์ที่มีน้ำหนักเบา แต่โครงสร้างแข็งแรง สามารถกันฝนรับแรงลมได้ดี และจะต้องระบายอากาศได้ดีอีกด้วย เต็นท์น้ำหนักเบาสำหรับการเดินป่า ขนาดนอนสองคนควรมีน้ำหนักไม่เกิน 3 กิโลกรัม

 

ตัวเลขการกันน้ำที่ระบุเป็นมิลลิเมตร ไม่ใช่ตัวบ่งบอกคุณภาพการกันน้ำที่ดีที่สุดเพราะนั่นคือค่าการกันน้ำของวัสดุที่ใช้ทำเต็นท์ ไม่ใช่ตัวเต็นท์เอง เต็นท์ที่ใช้วัสดุกันน้ำได้มากแต่ออกแบบไม่ดี การผลิตไม่ดีก็อาจจะรั่วได้ เต็นท์รั่วในป่าเป็นเรื่องที่ไม่สนุกเลย ควรเลือกใช้เต็นท์ที่มาจากผู้ผลิตที่มีความน่าเชื่อถือ และมีผู้ใช้กันแพร่หลาย

 

ถ้าเต็นท์ที่ใช้มีอายุการใช้งานหลายปีแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตรวจสอบสภาพว่าพร้อมใช้งานก่อนออกเดินทาง

Blackdeer Archeos 2 เต็นท์เดินป่าสำหรับนักเดินป่ามือใหม่ที่ราคาไม่แรงเลย

 

MSR เต็นท์เดินป่าที่ได้รับการยอมรับจากนักเดินป่าทั่วโลก

 

Nordisk Telemark เต็นท์เดินป่าขนาด 2 คนที่เบาเพียง 1 กิโลกรัม

 

ดูรายละเอียดของเต็นท์เดินป่าได้ที่นี่ https://thailandoutdoorshop.com/collections/hiking-tent

 

หากเส้นทางเป็นป่ารกทึบ หาที่ราบกางเต็นท์ได้ลำบาก หรือเดินทางในฤดูฝนหนักที่อาจจะทำให้พื้นดินเปียกเละเป็นโคลนเลน เปลอาจจะเป็นทางเลือกที่ดี

 

ในป่าบ้านเราแมลงเยอะมาก เปลที่ใช้นอนควรเป็นเปลที่มีมุ้ง จะเป็นมุ้งที่ติดกับตัวเปล หรือ จะเป็นมุ้งแยกที่ใช้สวมกันเปลก็ได้

 

ไม่ว่าจะเดินป่าในฤดูไหน ก็อาจจะเจอฝนได้เสมอ จึงจำเป็นต้องมีผ้าทาร์ปกางเป็นหลังคากันฝนกันน้ำค้าง ทาร์ปนี้ก็ยังใช้เป็นหลังคากองกลางสำหรับใช้นั่งทำอาหารและกินข้าวกันได้ด้วย

 

ดูเปลทั้งหมดได้ที่หน้านี้ครับ https://thailandoutdoorshop.com/collections/hammock

 

ในป่ากลางคืนมักจะอากาศเย็น เครื่องนอนที่ให้ความอบอุ่นเป็นเรื่องสำคัญมาก ถ้าหนาวจนนอนไม่หลับวันต่อไปเราจะไม่มีแรงเดินต่อ

 

ถ้านอนเต็นท์ แม้จะมีถุงนอนแล้ว แผ่นรองนอนก็เป็นของจำเป็น นอกจากจะช่วยให้เรานอนสบายไม่เจ็บหลังแล้ว แผ่นรองนอนยังช่วยให้เราอุ่น ไม่สูญเสียความร้อนทางด้านล่าง เพราะถุงนอนจะเป็นฉนวนป้องกันการสูญเสียความร้อนได้ก็ต่อเมื่อเส้นใยข้างในฟูตัว ดังนั้นด้านล่างที่ฟีบแบนเพราะเรานอนทับนั้นจะไม่ทำให้เราอุ่นเลย

 

แผ่นรองนอนมีหลายแบบ แบบง่ายๆที่สุดคือแผ่นโฟมที่พับหรือม้วนได้ ข้อดีของที่รองนอนโฟมนี้คือทนทาน ใช้งานได้ไม่ต้องกังวล นอนอุ่น แต่ข้อเสียคือมีขนาดใหญ่พกพาลำบาก และถ้าเป็นโฟมแผ่นเรียบไม่มีการขึ้นรูปให้หยุนตัวได้จะแข็งไม่ให้ความสบายในการนอนเลย

 

แผ่นรองนอนที่เป็นลมล้วน ข้อดีคือเก็บได้เล็กน้ำหนักเบามาก แต่ข้อเสียคือต้องสูบลมทุกครั้ง เสียหายได้ง่ายหากโดนอะไรทิ่มตำ ถ้าเป็นแผ่นรองนอนที่ออกแบบไม่ดีก็จะนอนไม่สบายเพราะลมจะปลิ้นไปมา และไม่ให้ความอุ่น ถ้าจะใช้แผ่นรองนอนลมควรเลือกที่มีการกักลมเป็นช่วงๆและมีแผ่นสะท้อนความร้อนภายใน

 

แผ่นรองนอนแบบพองตัวเองจะใช้ Memory foam อยู่ภายใน เมื่อเปิดวาวล์ให้ลมเข้า แผ่นรองนอนจะค่อยๆพองขึ้นมาเอง อาจจะต้องใช้ปากเป่าลมเสริมบ้างเล็กน้อยก็นอนได้ แผ่นรองนอนชนิดนี้นอนสบายที่สุด นอนอุ่น ขนาดเมื่อเก็บใหญ่กว่าที่นอนลมแต่เล็กกว่าชนิดแผ่นโฟมมาก เป็นตัวเลือกที่ดีมากสำหรับการเดินป่า

ถุงนอนหรือผ้าห่มเป็นของจำเป็นอีกเช่นกัน การเลือกถุงนอนควรดูการกำหนดอุณหภูมิใช้งานที่ระบุไว้ เป็นตัวเลข 3 ตัว

 

โดยทั่วไปตัว Temperature Rating จะมีตัวเลข 3 ตัว คือ Comfort Range, Transition Range และ Risk หรือ Extreme Range ครับ แต่ละตัวก็จะแปลความหมายออกมาต่างกันครับ

Comfort Range
คือช่วงอุณหภูมิที่คนทั่วไปสามารถนอนได้อย่างสบาย ไม่รู้สึกหนาว

Transition Range
คือช่วงอุณหภูมิที่คนทั่วไปเริ่มรู้สึกหนาว มีการนอนขดตัว และถือเป็นอุณหภูมิต่ำสุดที่สามารถใช้ถุงนอนนี้ได้อย่างปลอดภัย

Risk Range (Extreme Range)

คือช่วงอุณหภูมิที่คนทั่วไปรู้สึกหนาวจัด แต่ความรู้สึกภายในถุงนอนและนอกถุงนอนยังคงแตกต่างกัน การใช้งานในช่วงอุณหภูมินี้มีความเสี่ยงต่อการสูญเสียความร้อนของร่างกาย (Hypothermia) ไม่ควรนำไปใช้ยกเว้นในกรณีฉุกเฉิน

จากคำอธิบายข้างบน ถ้าเราเป็นคนที่หนาวง่าย หรือผู้หญิง (สรีระของผู้หญิงจะสูญเสียความร้อนมากกว่าผู้ชาย) ตัวเลขที่เราควรจะสนใจก็คือ Comfort Range เป็นหลัก สำหรับคนที่ทนหนาวเก่งหรือผู้ชายก็อาจจะดูที่ Transition Range ก็ได้ สำหรับถุงนอนบางรุ่นที่มี Temperature Rating แค่ตัวเดียวก็ต้องดูให้ละเอียดว่าเลขที่บอกคือตัวไหน ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นตัวเลข transition range

ทั้งนี้ไม่ได้แปลว่าถ้าเรานอนที่อุณหภูมิ 15 องศา โดยใช้ถุงนอนที่มี comfort range ที่ 10 องศา แล้วเราจะอุ่นเสมอไป เพราะในความเป็นจริงมีตัวแปรอีกหลายๆอย่างที่ส่งผลกับความอบอุ่นของเราครับ ทั้งลม ความชื้น เสื้อผ้าที่เราใส่และความรู้สึกของแต่ละคน เพียงแต่ Temperature Rating เป็นค่ามาตรฐานที่มาจากการทดสอบในตัวแปรควบคุมที่กำหนดไว้ ซึ่งก็เป็นตัวเลขที่เราอ้างอิงได้ สามารถใช้เปรียบเทียบกันระหว่างถุงนอนแต่ละรุ่นได้ พอเราเอาไปใช้จริง ความรู้สึกก็อาจจะแตกต่างออกไปบ้าง แต่ก็ต้องบอกว่าอยู่ในช่วงที่ใกล้เคียงพอสมควร

อุณหภูมิบ้านเราอาจจะไม่หนาวเย็นมากนักแต่ในป่านั้นเย็นกว่าในเมืองมาก ถ้าเป็นดอยสูงในฤดูหนาวก็จะหนาวมาก อาจจะเป็นเลขตัวเดียวหรือใกล้ศูนย์ ถุงนอนสำหรับการเดินป่าในพื้นราบหรือที่ไม่สูงมาก อาจจะเลือกถุงนอนที่มี อุณหภูมิประมาณ 10-15c ถ้าจะขึ้นบนยอดดอยในฤดูหนาวก็ควรเลือกใช้ถุงนอนที่อุณหภูมิ 0-5 c

ถ้าอากาศไม่หนาวเย็นมากนัก การใช้ผ้าห่มประกอบกับแผ่นรองนอนเป็นทางเลือกที่ดี เพราะลดน้ำหนักไปมากและด้านล่างก็อุ่นด้วยแผ่นรองนอนอยู่แล้ว ถ้าหากอากาศไม่เย็นก็นอนสบายกว่า

ผ้าห่มเดินป่าไม่มีการระบุอุณหภูมิ เพราะมันไม่ได้เป็นระบบปิดจึงไม่สามารถวัดค่าอุณหภูมิใช้งานตามมาตรฐานของถุงนอนได้

ขนาดและน้ำหนักของถุงนอนก็มีให้เลือกมากมาย ถุงนอนสำหรับการเดินป่าในบ้านเรา (อุณภูมิ 0-15 c) ควรมีขนาดเมื่อเก็บแล้วควรมีขนาดไม่ใหญ่จนเกินไป และน้ำหนักไม่เกิน 600-900 กรัม

รายละเอียดของการเลือกซื้อถุงนอนยังมีอีกมากมายทั้งเรื่องวัสดุ,​ ขนาด, รูปทรง ดู VDO นี้จะตอบทุกคำถามครับ


ดูรายละเอียดของถุงนอนทั้งหมดได้ที่หน้านี้ครับ https://thailandoutdoorshop.com/collections/sleeping-bag

 

ถ้านอนในเปล การป้องกันความหนาวเย็นจะทำได้ยากกว่าเพราะแผ่นหลังเราจะมีลมผ่านได้ ใช้ถุงนอนใส่ในเปลก็ไม่อุ่น สามารถป้องกันการเสียความร้อน (ทำให้อุ่น) ได้เพียง 2 ทางคือ การใช้ถุงนอนหรือผ้าห่มห่อข้างนอกเปล หรือใช้แผ่นรองนอนใส่ข้างในเปล ซึ่งทั้ง 2 อย่างนี้จะต้องออกแบบมาเพื่อใช้กับเปลโดยเฉพาะ

 

3) อุปกรณ์สำหรับการทำอาหาร

อาหารที่เตรียมไปเดินป่าควรเป็นของที่เก็บได้นานโดยไม่ต้องแช่เย็น, เตรียมง่าย, มีขยะน้อย และให้พลังงานเพียงพอที่จะให้เรามีแรงเดินในวันต่อไป

 

คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงบะหมี่สำเร็จรูปเป็นอย่างแรกแต่ถ้ากินอย่างเดียวมันอาจจะไม่ให้พลังงานที่พอเพียงนัก ข้าวสารเป็น อาหารพื้นฐานที่น้ำหนักเบา ไม่กินที่เก็บได้นานปรุงไม่ยาก ถ้าประกอบกับอาหารแห้งง่ายๆอย่างอื่น เช่นกุนเชียง, ปลาแห้ง โปรตีนเกษตร และอาหารซองเราก็จะได้อาหารกลางป่าที่มีรสชาติและให้พลังงานมากกว่ามาก

 

เมื่อเข้าไปอยู่ในป่าเราควรลดการก่อกองไฟกับพื้นให้เหลือเท่าที่จำเป็นเท่านั้น อาจจะมีการก่อไฟเป็นส่วนรวมเพื่อให้ความอบอุ่นในจุดที่จัดไว้ให้เท่านั้น เพราะการก่อไฟจะทำให้เกิดความเสียหายกับพื้นดินและถ้าไม่ควบคุมให้ดีก็ไฟก็อาจจะลุกลามสร้างความเสียหายได้

 

การทำอาหารในป่าจึงควรใช้เตาเดินป่าที่สามารถพกพาไปได้ เตานี้มีทั้งที่ใช้เชื้อเพลิงแก๊สกระป๋อง หรือน้ำมันชนิดต่างๆ

 

การเลือกเตาขึ้นอยู่กับประเภทอาหารที่จะทำ และ จำนวนคนในคณะซึ่งจะเป็นตัวกำหนดขนาดของภาชนะ แล้วเราจึงเลือกเตาให้เข้ากับภาชนะอีกที

 

ถ้าเราเดินทางแค่คนดียว ต้องการกินอาหารง่ายๆ เช่นต้มบะหมี่สำเร็จรูป เราก็อาจจะเลือกใช้หม้อขนาดเล็ก ความจุ 0.5-1 ลิตร เตาที่ใช้ก็อาจจะเป็นเตาขนาดเล็กที่ติดตั้งบนหัวถังแก๊สได้ เตาชนิดนี้จะมีขนาดกระทัดรัด ถ้าเลือกให้เหมาะทั้งเตาและถังแก๊สจะสามารถบรรจุลงไปในหม้อได้ทำให้ไม่กินที่ในเป้

ถ้าเราเดินทางหลายคน และต้องการทำกับข้าวที่หลากหลายไม่จำกัด ก็ควรจะจัดหาหม้อ หรือชุดหม้อที่มีขนาดตั้งแต่ 1-3 ลิตรแล้วแต่จำนวนคน ชุดหม้อสำหรับเดินป่านั้นจะออกแบบมาให้เก็บซ้อนกันได้โดยไม่กินที่

 

เมื่อใช้หม้อขนาดใหญ่ขึ้น เตาที่อยู่บนหัวกระป๋องแก๊สจะไม่สามารถรับน้ำหนักได้มั่นคง ควรเลือกใช้เตาที่มีสายแยกถังเชื้อเพลิงออกมาแต่เตาตั้งกับพื้นได้อย่างมั่นคง ถ้าหม้อมีขนาดใหญ่ หัวเตาก็ควรให้ไฟกว้างทั่วถึง

 

เชื้อเพลิงที่ใช้สะดวกที่สุดคือแก๊สกระป๋อง แก๊สกระป๋องที่ใช้กับเตาเดินป่ามี 2 แบบคือแบบกระป๋องยาว และกระป๋องกลมที่เรียกกันว่าแก๊สซาลาเปา ถึงแม้ว่าแก๊สกระป๋องยาวจะหาซื้อได้ง่ายและราคาถูกกว่า แต่กระป๋องแก๊สชนิดนี้ไม่แข็งแรงนัก เป็นกระป๋องสำหรับใช้ในอาคาร ไม่ได้ออกแบบไว้ใช้งานกลางแจ้ง หากโดนความร้อนเช่นใส่ท้ายรถตากแดด หรือโดนความร้อนอื่นๆมีโอกาสที่กระป๋องจะฉีกแตกแก๊สรั่วได้ แก๊สกระป๋องซาลาเปาเป็นทางเลือกที่แข็งแรงและปลอดภัยกว่ามาก

 

ถ้าคิดว่าเข้าป่าบ่อยและไปครั้งละหลายๆวัน การเลือกใช้เตาน้ำมันจะประหยัดค่าเชื้อเพลิง และประหยัดที่และน้ำหนักที่จะต้องขนไปกว่าเตาแก๊สมาก การใช้งานอาจจะยุ่งยากกว่าเล็กน้อย แต่ก็คุ้มค่าสำหรับการใช้ระยะยาว

 

อีกทางเลือกหนึ่งก็เป็นหม้อและเตาที่ประกอบกันเป็นชุดเลย เตาชนิดนี้จะมีประสิทธิภาพการให้ความร้อนที่ดีกว่า ใช้งานในลมแรงได้ดี ชุดหม้อพร้อมเตานี้นอกจากจะเก็บได้เล็กไม่กินที่แล้วยังประหยัดเชื้อเพลิงได้ 30-50% ทำให้เราลดภาระการขนเชื้อเพลิงไปได้มาก

ดูรายละเอียดของเตาทั้งหมดได้ที่นี่ https://thailandoutdoorshop.com/collections/hiking-stove

 

น้ำเป็นส่วนสำคัญมากในการเดินป่า เมื่อไปเดินป่า เราจะต้องดื่มน้ำอย่างน้อย 1-2 ลิตรต่อวัน และจะต้องใช้อีกไม่น้อยกว่า 1 ลิตร ในการทำอาหาร ควรหาข้อมูลก่อนว่าเส้นทางเดินป่าที่จะไปนี้มีน้ำให้หาได้ระหว่างทางเดินหรือตรงจุดที่พักแรมหรือไม่

 

ถ้าเป็นการเดินป่ามากกว่า 2 วันเราไม่มีทางที่จะแบกน้ำไปเพียงพอได้แน่ ดังนั้นการหาแหล่งน้ำระหว่างทางจึงเป็นเรื่องสำคัญ

 

การทำน้ำให้สะอาด เป็นเรื่องที่สำคัญมากประมาทไม่ได้ น้ำในป่าที่อาจจะดูเหมือนใสสะอาดอาจจะมีเชื้อโรคหรือไข่พยาธิอยู่ทำให้เราเจ็บป่วยได้ อาจจะป่วยในป่าจนเดินไม่ไหว หรือบางรายอาจจะป่วยหลังจากกลับออกมาแล้ว อาจจะหนักถึงขั้นนอนโรงพยาบาลก็มีมาหลายรายแล้ว 

 

วิธีทำน้ำสะอาดที่พื้นฐานที่สุดคือการต้มด้วยความร้อนให้เดือดอย่างน้อยที่สุดสามนาที แต่ยุ่งยากต้องใช้หม้อขนาดใหญ่ ต้องใช้เชื้อเพลิงมาก ต้องรอให้เย็นกว่าจะกินหรือใส่กระติกได้ วิธีที่สะดวกและปลอดภัยที่สุดคือการใช้เครื่องกรองน้ำ เครื่องกรองน้ำสำหรับเดินป่าที่มีคุณภาพดีจะสามารถกรองเชื้อโรคและไข่พยาธิได้ทุกชนิด

 

เครื่องกรองน้ำเดินป่ามีให้เลือกหลายชนิดควรเลือกให้เหมาะสมกับจำนวนคนในคณะและการใช้งาน และทีสำคัญคือควรเป็นเครื่องกรองน้ำที่สามารถทำความสะอาดได้หลังจากการใช้งาน เพื่อจะได้สามารถใช้ซ้ำได้อย่างปลอดภัยในครั้งต่อไป

ถ้าเส้นทางหาน้ำยาก หรือที่จุดพักไม่มีน้ำ ก็จะต้องเตรียมภาชนะเช่นถุงน้ำหรือถังน้ำติดไปขนน้ำด้วย ควรเป็นถุงน้ำที่แข็งแรงใส่หรือผูกไปกับเป้ได้

 

ดูรายละเอียดของเครื่องกรองน้ำทั้งหมดได้ที่นี่ครับ https://thailandoutdoorshop.com/collections/filter

 

4) อุปกรณ์อื่นๆ

อุปกรณ์อื่นๆที่จำเป็นมีอีกหลายอย่างเช่น

 

ไฟฉายและตะเกียง ไฟฉายที่เหมาะที่สุดสำหรับการเดินป่า คือไฟฉายคาดหัว เพราะมันใช้งานสะดวกทำให้มือทั้ง 2 ข้างของเราว่างไม่ต้องจับถือไฟฉาย สามารถกางเต็นท์, ทำกับข้าว หรือปีนป่ายระหว่างเดินได้ 

 

ไฟฉายที่ใช้ในป่า ไม่จำเป็นต้องสว่างมากเพราะในป่านั้นมืดสนิทแสงของไฟฉายจะทำงานได้เต็มที่อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องสว่างจนแสบตาเราและเพื่อนร่วมขณะ ควรเน้นไฟฉายคาดหัวที่มีขนาดไม่ใหญ่ ไม่หนักและมีชั่วโมงการทำงานได้ยาวนานจะดีกว่า ถ้าเป็นแบบชาร์จได้ก็ควรเป็นแบบที่เปลี่ยนถ่านสำรองได้ด้วย

ดูไฟฉายคาดหัวทั้งหมดได้ที่นี่ครับ https://thailandoutdoorshop.com/collections/head-light

 

ตะเกียงมีประโยชน์ในการใช้ร่วมกันหลายๆคนเช่นตอนเตรียมอาหาร ตอนนั่งล้อมวงกินอาหาร หรือใช้จัดของในเต็นท์ ตะเกียงที่ใช้สะดวกที่สุดคือตะเกียง LED ขนาดเล็ก อีกทางเลือกหนึ่งก็คือตะเกียงแก๊สที่สามารถใช้แก็สกระป๋องร่วมกับเตาได้

 

ดูตะเกียงเดินป่าทั้งหมดได้ที่นี่ครับ https://thailandoutdoorshop.com/collections/lantern

 

เชือก ควรมีเชือกขนาดเล็กที่รับน้ำหนักได้ดีมีความยาวประมาณ 10 เมตรขึ้นไปสักหนึ่งเส้น ในกรณีปรกติเราจะได้ใช้ประโยชน์ทำราวตากผ้าหรือแขวนตะเกียงของต่างๆ และในบางสถานการณ์ก็อาจจะได้ใช้ช่วยขึ้นลงในทางชันหรือใช้เกาะข้ามน้ำเชี่ยว

 

 ผ้าทาร์ปสำหรับกางหลังคากันฝน ถ้าเดินป่าในฤดูฝน ทาร์ปเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ควรมีติดตัวไว้ ในกลุ่มที่ไปด้วยกันอาจจะมีผืนเดียวก็พอเอาไว้เป็นของกองกลางเพื่อหลบฝนทำอาหารหรือนั่งกินข้าว ทาร์ปที่ใช้ร่วมกันหลายคน ควรจะมีขนาดตั้งแต่ 3x3 เมตรเป็นอย่างน้อย

ดูทาร์ปทั้งหมดได้ที่นี่ครับ https://thailandoutdoorshop.com/collections/flysheet

 

ยากันแมลง ในป่ามีแมลงมากมาย บางชนิดจะกัดสร้างความรำคาญ และบางชนิดจะมีเชื้อโรคทำให้เราเจ็บป่วยได้ จึงควรมีการป้องกันแมลงกัดต่อย 

ยาพ่นหรือทาที่เสื้อผ้าหรือผิวหนังเป็นทางเลือกหนึ่ง โดยเฉพาะระหว่างการเดิน แต่ต้องระวังไม่ให้ยาพ่นเหล่านั้นปนเปื้อนอาหารที่กิน เปื้อนมือที่หยิบกินอาหาร หรือโดนอุปกรณ์มีมีกาวหรือมีการเคลือบกันน้ำเพราะอาจจะเสียหายได้

เมื่อถึงที่พักแล้วอุปกรณ์ไล่ยุงที่ใช้ไอระเหยจะได้ผลกว่าเพราะสามารถครอบคลุมพื้นที่เป็นวงกว้างใช้ร่วมกันในวงอาหารได้เป็นหมู่คณะอย่างทั่วถึงและปลอดภัย

ดูยาและอุปกรณ์กันแมลงทั้งหมด https://thailandoutdoorshop.com/collections/repellant

 

ถุงขยะเป็นของจำเป็นที่ควรเตรียมไปเพื่อนำขยะที่เกิดขึ้นออกมาจากป่าทั้งหมด อาจจะเป็นถุงดำที่มีขนาดเหมาะสม หรือจะเป็นถุงผ้าที่ใช้ซ้ำได้ก็จะดีขึ้นไปอีก

พลั่วขุดดิน ควรมีไว้เพื่อกลบฝังขยะเศษอาหารที่ย่อยสลายได้ และกลบฝังอุจจาระและกระดาษชำระให้ลึกพอ ไม่ก่อให้เกิดความสกปรกและก่อเชื้อโรคให้สัตว์ป่า

ถ้าจะใช้ทิชชู่เปียก เลือกให้แน่ใจว่าทิชชู่เปียกนั้นเป็นชนิดที่ย่อยสลายได้ในธรรมชาติ

ดูรายละเอียดอุปกรณ์ห้องน้ำได้ที่นี่ https://thailandoutdoorshop.com/collections/toiletries

 

เสื้อผ้าที่ใช้เดินป่า ควรใช้กางเกงขายาวและเสื้อแขนยาวเพื่อป้องกันหนาม, ใบไม้คันและแมลงกัดต่อยในระหว่างเดิน เสื้อควรเป็นผ้าที่ไม่หนาเกินไปสามารถระบายอากาศได้โดยไม่อับชื้น กางกางไม่ควรคับแน่นจนเกินไป ควรเป็นทรงหลวมที่ทำให้เราสามารถเคลื่อนไหวได้คล่องตัว ควรเป็นผ้าที่ทนทานต่อการเสียดสีไม่ฉีกขาดง่าย และไม่อมน้ำ เปียกแล้วแห้งเร็ว

ควรมีชุดแห้งสะอาดเอาไว้เปลี่ยนตอนนอนอีกหนึ่งชุด

เสื้อกันหนาวกันฝน ขึ้นอยู่กับพื้นที่และฤดูที่เดินทางไป ควรหาข้อมูลของสภาพอากาศก่อนเดินทางไป กลางคืนอากาศในป่ามักจะหนาวเย็นกว่าในเมืองทั้งปีอยู่แล้ว ถ้าขึ้นไปในระดับสูงอากาศจะหนาวเย็นค่อนข้างแน่นอน ถ้าคาดว่าจะมีฝนตกการมีเสื้อฝนน้ำหนักเบาติดไปก็จะช่วยได้มากโดยเฉพาะเมื่อเดินถึงแค้มป์แล้วต้องออกจากเต้นท์ไปทำกิจกรรมต่างๆ แต่เสื้อฝนจะทำหน้าที่ได้แค่กันลมกันน้ำไม่ได้ทำให้อุ่น ถ้าคิดว่าจะเจออากาศหนาวควรเตรียมเสื้อกันหนาวไปให้เหมาะสม

 

ถุงกันน้ำ ถ้าไปในฤดูฝน หรือสงสัยว่าจะเจอฝน หรือมีการเดินข้ามลำน้ำ ของที่ต้องการให้แห้งสนิท เช่นถุงนอน และชุดนอน ควรแพ็คใส่ถุงกันน้ำ อย่างง่ายที่สุดก็อาจจะเป็นถุงพลาสติกขนาดใหญ่ม้วนปากถุงปิดได้ หรือถ้าจะให้ดีก็ใช้ถุงกันน้ำน้ำหนักเบา อย่าคิดว่าเป้ที่ใช้จะกันน้ำนะครับ ไม่มีเป้เดินป่าใบไหนกันน้ำได้สนิทครับ

ดูถุงกันน้ำทั้งหมด https://thailandoutdoorshop.com/collections/dry-sack

 

สรุป

การไปเดินป่าเป็นการไปท่องเที่ยวพักผ่อน ไม่จำเป็นต้องลำบาก การเตรียมตัวให้พร้อม และเหมาะสมกับสภาพภูมิประเทศ,​ ภูมิอากาศและฤดูกาล จึงเป็นเรื่องสำคัญที่คนเมืองที่ไม่คุ้นเคยกับการใช้ชีวิตธรรมชาติอย่างพวกเราจะสามารถมีความสุขในธรรมชาติได้อย่างไม่ลำบากเกินไป

และที่สำคัญเราจะได้ไม่รบกวนและเบียดเบียนธรรมชาติมากเกินไป สามารถรักษาสภาพธรรมชาติไว้ให้สะอาดสวยงามเหมือนก่อนที่เราจะไปถึง เพื่อให้คนที่เดินทางเข้าไปหลังจากเราได้พบกับธรรมชาติที่สวยงามได้

บทความก่อนหน้า รองเท้าแตะ Chaco ดีที่สุดสำหรับการเดินทางและการเดินป่า
บทความก่อนไป โปรโมชั่น Nordisk Konglund Lounge Chair

เปรียบเทียบสินค้า

{"one"=>"เลือก 2 หรือ 3 สินค้าเพื่อเปรียบเทียบ", "other"=>"{{ count }} of 3 items selected"}

เลือกสินค้าตัวแรกเพื่อเปรียบเทียบ

เลือกสินค้าตัวที่สองเพื่อเปรียบเทียบ

เลือกสินค้าตัวที่สามเพื่อเปรียบเทียบ

เปรียบเทียบ